1. Restaurant Week @Nougatine at Jean Georges.
อาหารนับว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่สำคัญมากสำหรับชีวิตคน เราอยู่ได้ไม่เกินประมาณสามสัปดาห์ หากขาดอาหารและประมาณแปดวันหากขาดน้ำ แต่ที่แน่ๆ คนปรกติๆอย่างผม ทุกวันต้องกินอาหาร จะมากน้อยก็อีกเรื่อง เนื่องด้วยตัวผมเองไม่ได้เป็นคนที่นิยมชมชอบการรับประทานอาหารเป็นชีวิตจิตใจ การที่จะให้ไปแข่งอดอาหารทำสถิติ หรือประกวดแข่งกินระดับโลกนั้นคงไม่ใช่สาระของชีวิตผมเป็นแน่แท้ แต่หากมีอาหารอร่อยๆ ราคาไม่แพงเกินไปนัก การจะมอบความสุขให้ลิ้น กับกระเพาะอาหารก็เป็นสิ่งที่ไม่เลวเหมือนกันใช่ไหมล่ะ
เพื่อนสนิทผมคนหนึ่งกล่าวไว้แบบน้ำเน่าว่า "อาหารมันไม่ได้อร่อยด้วยรสชาดของมันเท่าไหร่นักหรอก หากแต่อยู่ที่คนที่เรากินด้วย ถ้าเรากินกับคนที่เรารัก อาหารก็จะอร่อยเป็นพิเศษ แต่ถ้าต้องกินกับคนที่เราเกลียด ต่อให้เชฟกระทะเหล็กมาทำให้กิน กูก็แดร็กไม่ลง ถุย!" เน่าขนาดนั้นเลย เอาเป็นว่าวันนี้ผมจะลองดูแล้วกันนะ ว่ามันจะจริงดั่งคำที่เพื่อนสนิทผมบอกให้ฟังหรือเปล่า 555
เนื่องด้วยตอนนี้ที่นิวยอร์กมีจัดงาน NYC Restaurant Week ระหว่างวันที่ 23 มกราคม จนถึง 10 กุมภาพันธ์ กับอาหารที่จะมีให้เรากินแบบ Full Course คือ Appertize, Entrée และก็ Dessert ในราคาเบาๆตั้งแต่$29 ต่อคน จากร้านระดับ สามดาว สี่ดาว ที่ถ้ากินกันเองแบบปรกติ ก็อาจจะล่อไปตั้งแต่ $100 ต่อคน จึงนับว่าน่าสนใจที่จะลองให้รางวัลกับกระเพาะของตัวเองซะบ้าง แล้วเมื่อคนที่ชวนไปกินนั้นก็ดูท่าว่าจะเป็นผงชูรสให้อาหารอร่อยยิ่งขึ้น มีหรือที่ผมจะปฎิเสธได้ล่ะครับ ว่าแล้วก็ตอบตกลง ร้านที่เรากำลังจะไปกันนั้น คือร้าน Nougatine at Jean Georges ที่อยู่ตรง Columbus Circle นี่เองครับ
บรรยากาศสบายๆของร้านครับ อย่างที่บอกว่าช่วงนี้เป็นช่วง Restaurant Week ฉะนั้นก็เลยมีอาซิ้ม อาเจ็ก คนเอเชียมากินกันให้ค่อนข้างเยอะกว่าปรกตินะครับ อ่อ ร้านนี้รับจองจาก Open Table เท่านั้นนะครับ ถ้าเดิน Walk-in เข้ามาโดยไม่ได้จองล่ะก็ อาจจะไม่ได้รับการบริการนะครับ หูยยย เว่อร์ซะ
อาหารจากแรก Appertizer มีให้เลือกสองอย่างคือ Sliced Sea Trout & Herbal Garlic Bread ซึ่งผมไม่ได้กิน แล้วก็ลืมถ่ายรูปมาด้วย 555 เลยขอข้ามมาอีกจานซึ่งก็คือ Roasted Fennel and Goat Cheese Salad w Black Olive:
บอกตรงๆว่า Fennel เนี่ย ผมไม่รู้จักหรือได้ยินมันมาก่อนเลยนะในชีวิต พอไปค้น google ดูถึงได้รู้จัก อารมณ์มันคล้ายๆหัวหอม มีรสหวานๆ แนบมากับ Goat Cheese สีขาว ซึ่งเพื่อนๆบอกว่ากลิ่นแรงนะ จะกินได้หรือ แต่บอกตรงๆว่า เราไม่ได้กลิ่นเหม็นเลยนะ แค่มันออกเค็มๆ กินกับ Black Olive ที่ออกเปรี้ยวหน่อยๆ รสชาดตัดกันได้ดีทีเดียวครับ (แหม่... เริ่มวิจารณ์เหมือนนักชิมแล้วไหมล่ะ 555)
มาที่จานที่สอง Entrée เลยดีกว่า มีให้เลือกสองอย่างก็คือ Seared Flounder w Potato Ravioli
อันนี้อร่อยจริง ปลาFlounder หรือปลาตาเดียวที่บ้านเราเรียกนั้นเนื้อปลานุ่มแบบ เอาส้อมกดเบาๆก็เหมือนจะแบะออกเป็นชิ้นเล็กๆ กัดแล้วเอาลิ้นดุนก็แตกออก กับรสฉุนหน่อยๆของ Paprika butter มันฝรั่งอบแต่งเพิ่มความมันส์ บาดใจจริงๆ (นี่ขนาดแอบชิมของเพื่อนไปสองคำเท่านั้นนะ) เพื่อนมาบอกว่า "ร้านฝรั่งเนี่ย ถ้าไม่รู้จักหน้าตาอาหาร สั่งปลาปลอดภัยสุดแล้วนะ" คือมันจะปลอดภัยและก็ค่อนข้างชัวร์ว่าอร่อยแน่ๆ
เห็นเพื่อนสั่งปลามากินแล้ว ก็ต้องเอาอีกอย่างล่ะครับ จะได้มาแชร์กัน ผมจึงสั่ง Parmesan Crusted Organic Chicken, Salsify, Basil & Lemon Butter: ได้มาเป็นเนื้ออกไก่แสนนุ่มที่มีซอส Lemon butter กับ ต้น Salsify (ต้นไรวะ) เนื้อไก่นุ่มมากจริงๆ กินติดเปรี้ยวนิดๆกับซอสมะนาว อร่อยอย่าบอกใครเลยเออ (ไม่ได้ค่าโฆษณานะ 555)
ต่อมาสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ก็คือ ของหวานครับ มีให้เลือกสองอย่างคือ Warm Chocolate Cake, Salted Caramel Ice Cream ที่ตัวเค้กช็อคโกแลตเนี่ย จะเหมือนมีลาวาอุ่นๆอยู่ข้างใน เคียงข้างกับตัวไอศรีม รสคาราเมลเค็ม!
ฟังดูอาจจะแปลกๆ แต่ว่า ตัวไอศรีมเนี่ยอร่อยมากจริงๆครับ คือมันเหมือนจะเค็มแต่ก็รับกับรสหวานได้ดีนะ (เสียดายไอศรีมลูกนิดเดียว T-T) ส่วนของหวานอีกอย่างนึงก็คือ Caramelized Apple Panna Cotta, Caramelized Granny Smith Apples, & Green Apple Sorbet.
บอกตรงๆว่าเห็นชื่อแล้ว งงตึ๊บ ยาวขนาด!!! 555 ก็เลยสั่งเค้กช็อคโกแลตมากิน ยอมรับว่า รสชาดดีมากครับ แต่ไม่ค่อยจะถูกปากเรานะ มันนุ่มเหมือนครีมหน้าเด้ง คืออร่อยก็อร่อยนะ นุ่มมาก แต่คือกินนุ่มๆมาตลอดเลย ทั้งไก่ ทั้งSalsify พอเจอชิ้นนี้ก็นุ่มอีก ก็เลยอาจจะเบื่อ (ความเห็นส่วนตัวล้วนๆๆๆๆๆ) แต่อย่างไรก็ดี อร่อยทุกอย่างครับ รับประกัน!
สุดท้ายรอบสอง ระหว่างที่นั่งกินของหวานไป บร๊ะเจ้า! เจอเจ้าของร้านครับ ตาลุง Jean-Georges เดินออกมาจากครัว เราก็รีบไปทักทายกัน ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกสักหน่อย ลุงแกอัทธยาศัยดีมากเลยครับ ไม่หยิ่ง คุยกับพวกเราแบบมาจากไหน พอรู้ว่าคนไทยก็ยกมือไหว้ได้ด้วยนะครับ แกรู้จักอาหารไทยดีทีเดียวล่ะ อาหารไทยชื่อเสียงดังทั่วโลกจริงๆครับ ภูมิใจๆ
เอาล่ะครับ หลังจากที่ทำการบำรุงลิ้นกับตรวจสภาพของกระเพาะเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องยอมรับว่า บางทีการที่เราจะหาอะไรอร่อยๆให้ร่างกายเราได้สัมผัส ได้รับรู้ถึงรสชาดของสิ่งใหม่ๆนั้นก็นับว่าเป็นอะไรที่ดีที่งามนะ ยิ่งไปกินกับคนที่อยากกินด้วยก็ยิ่งทำให้อาหารนั้นมีรสชาดยิ่งดียิ่งขึ้นอีกใช่ไหมล่ะครับ จริงไหม แถมราคาก็ไม่แพงด้วยนะ เออ ตกค่าอาหารรวมทิปก็ $40 เองครับ ^^)/ อิ่มกายสบายเบาตังค์
ปล. ขอขอบคุณ น้องป็อป น้องจ๋า น้องกระติก กับลุงจอห์นด้วยนะครับ







